ในตำนานกล่าวว่า มีดินแดนเทพทั้งหมด 9 ดินแดน แบ่งเป็นสามส่วน
ดินแดนเทพแอสการ์ด (Asgard)
- ที่อยู่ของเทพเอซีร์ (เทพที่เกิดจากโอดิน)
ดินแดนเทพวานาไฮล์ม (Vanahiem) - ที่อยู่ของเทพวานีร์ (เทพนอกเหนือออกไป ไม่มีเชื้อสายของโอดิน)
อัลฟ์ไฮล์ม (Alfheim) - ดินแดนเอลฟ์ เอลฟ์แห่งแสงสว่าง (มีเวทย์มนต์ เป็นเอลฟ์ชั้นสูง)
ดินแดนเทพวานาไฮล์ม (Vanahiem) - ที่อยู่ของเทพวานีร์ (เทพนอกเหนือออกไป ไม่มีเชื้อสายของโอดิน)
อัลฟ์ไฮล์ม (Alfheim) - ดินแดนเอลฟ์ เอลฟ์แห่งแสงสว่าง (มีเวทย์มนต์ เป็นเอลฟ์ชั้นสูง)
- ส่วนถัดมา(กลาง)
ดินแดนมิดการ์ด (Midgard = Middle garden) - ที่อยู่อาศัยของมนุษย์
ดินแดนนิดาเวลลีร์ (Nidavellir) - ดินแดนของคนแคระ
โยทุนไฮล์ม (Jotanheim) - ดินแดนแห่งยักษ์
สวาตัลฟ์ไฮล์ม (Svartalfheim) - ดินแดนของพวกเอลฟ์ดำและเอลฟ์ขาว
ส่วนที่อยู่ล่างสุด :
เฮลไฮม (Helheim) - ดินแดนใต้พิภพ อาณาจักรแห่งความตาย(นรก) (ปกครองโดยเทวีแห่งความตาย เฮล)
นิฟเฟลไฮล์ม (Niflheim) - โลกแห่งความตาย
เฮลไฮม (Helheim) - ดินแดนใต้พิภพ อาณาจักรแห่งความตาย(นรก) (ปกครองโดยเทวีแห่งความตาย เฮล)
นิฟเฟลไฮล์ม (Niflheim) - โลกแห่งความตาย
(heim เป็นภาษาตระกูลเยอรมัน แปลว่า บ้านหรือที่อยู่)
ปล.บางครั้งอาจพิมพ์เป็น ไฮล์มหรือไฮม หรือ ไฮม์ ก็ขออภัยนะคะ...
ตอนแรกแปลมาแล้วไม่แน่ใจว่าควรพิมพ์ยังไง บางอันแปลคนละครั้ง
เลยลืมว่าต้องพิมพ์อะไรน่ะ ขอโทษค่ะ)
แอสการ์ด(Asgard)
แอสการ์ด
เป็นดินแดนของเทพเจ้าวงศ์เอซีร์ มีเทพเจ้าสูงสุดคือโอดิน เทพแห่งสงคราม
ตั้งอยู่บนตำแหน่งสูงสุดของจักรวาลตามความเชื่อของชาวนอร์ส
เป็นดินแดนที่ห้อมล้อมไปด้วยกำแพงหินสูงชัน
มีตำนานเล่าว่า...
หลังสงครามระหว่างเทพเอซีร์และเทพวานีร์ยุติลงได้
ต่างฝ่ายต่างต้องใช้เวลาในการซ่อมแซมสถานที่ของตนซึ่งเสียหายในช่วงแห่งสงคราม
พวกวานีร์ดูเหมือนจะไม่ค่อยร้อนใจเท่าไร ต่างจากพวกแอสการ์ดที่กลัวมากว่า
กำแพงอันพังทลายของพวกเขาเป็นช่องทางให้ยักษ์เข้ามาโจมตีอย่างง่ายดาย
การซ่อมกำแพงจึงดำเนินไปอย่างเร่งร้อนถึงกระนั้นมันก็ยังเป็นงานยากสำหรับเทพอยู่ดี
วันหนึ่ง ไฮล์มดัล
เทพอารักษ์แห่งแดนแอสการ์ดได้เข้ามาบอกโอดินว่า
มีคนแปลกหน้าตนหนึ่งจะขอพบเทพเอซีร์ โอดินยอมทำตามที่คนแปลกหน้าขอ
และเรียกประชุมเหล่าเทพทั้งหมด แขกแปลกหน้าอาสาจะก่อกำแพงแอสการ์ดเองคนเดียว
โดยมีข้อแลกเปลี่ยนที่ชาวแอสการ์ดให้เขาได้ การเสนอที่ก่อกำแพงหินคนเดียวในเวลา 18 เดือนเป็นงานที่เกินกว่าคำว่าสำเร็จไปไกล
หากทำได้เจ้าคนแปลกหน้าคนนี้ต้องเป็นคนที่พิเศษอย่างยิ่ง
ช่างก่อหินคนนั้นขอกำแพงกับเทพีเฟรยา เทพีแห่งความรัก และขอครอบครองดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์
ทวยเทพได้ยินข้อแลกเปลี่ยนดังกล่าวก็แทบจะดีดเจ้าคนแปลกหน้าออกจากสวรรค์ไปในทันที
ค่าที่มันเปรียบเทียบราคากันไม่ได้เลย แต่โลกิยับยั้งเอาไว้
แล้วว่าควรไตร่ตรองข้อเสนอให้รอบคอบเสียก่อน
ช่างแปลกหน้าถูกเชิญออกจากห้องเพื่อให้เทพคุยกันอย่างเปิดอกเปรียบเทียบผลได้ผลเสีย
โลกิจอมโกงยังคงมีเล่ห์อยู่ทุกเวลา
เขามีแผน ก็คือให้ต่อรองเวลาเหลือหกเดือน
เวลาสั้นมากซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่งานจะเสร็จ โลกิว่าเมื่อถึงหกเดือน
กำแพงจะเสร็จประมาณครึ่งเดียวเท่านั้น เทพไม่ต้องจ่ายอะไรเป็นค่าจ้าง
ส่วนงานที่เหลือเทพทำต่อได้ แผนของโลกิทำเอาเทพอึกอักไปตามๆ กัน
ดูจะไม่ค่อยใช่วิธีของเทพทำกัน แต่เทพก็เรียกช่างเข้ามา แล้วต่อรองเวลา
น่าประหลาดใจที่ชายนาม Blast ตกลงทันที แต่มีเงื่อนไขขอใช้ม้าสวาดิฟารี(Svadifari) โอดินปฏิเสธ โลกิก็กล่อมให้จอมเทพยอมความ
ช่างก่อหินแปลกหน้าจึงได้ม้าวิเศษไว้ใช้
ช่างก่อหินเริ่มงานในเช้าวันรุ่งขึ้นทันที
ทว่าสิ่งที่ทำให้ทวยเทพแปลกใจมากกว่านั้นก็คือกำลังของม้าสวาดิฟารี
ซึ่งมีมากเกินกว่าที่ใครจะนึกออก
ไม่ว่าช่างก่อหินจะเทียมหินมากมายขนาดไหนให้มันลาก มันก็สามารถลากมาได้
ข้างฝ่ายช่างก่อหินก็เร็วพอกันไม่ว่าหินที่ม้าลากมาได้จะต่อเนื่องรวดเร็วปานไหน
เขาก็สามารถใช้สิ่วสลักให้เข้ารูปแล้วผลักเข้าไปตามแนวกำแพงที่พังลงได้ทันกัน
งานที่เทพคิดว่ายังไงก็ไม่เสร็จพอจวนเจียนจะครบหกเดือน
มันก็เหลือแค่ช่วงประตูเท่านั้น ต่างคนต่างร้อนๆ หนาวๆ
จนไม่เป็นอันทำอะไรโดยเฉพาะอย่างยิ่งเฟรยาเทพีที่ถูกกำหนดให้เป็นรางวัล
เหตุการณ์คงปล่อยไว้ช้าไม่ได้โอดินจึงต้องเรียกประชุมเทพเป็นการด่วนอีก
มติในที่ประชุมเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า
เมื่อแผนของโลกิทำให้พวกเขาต้องตกอยู่ในห้วงหายนะ
โลกิก็เป็นคนที่จะต้องแก้ไขเรื่องนี้โดยตรง และแน่นอนว่าโลกิก็ยังคงมีแผนร้ายอยู่
คืนนั้นโลกิแปลงกายเป็นม้าสาว ไปยืนอ้อยอิ่งอ่อยอยู่แถวหน้าคอกม้าสวาดิฟารี
เจ้าม้าหนุ่มเห็นสาวมายืนรอท่าแถมยังส่งเสียงร้องแนวเชิญชวน
มันลืมสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าภาระหน้าที่หรือนายวิ่งแหกคอกไปหานางม้าแปลงแล้วทั้งคู่ก็หายไปในแนวป่าตั้งแต่นั้น
ช่างก่อหินแปลกหน้าตื่นขึ้นมาพบกับความว่างเปล่า
ม้าวิเศษหายไป เขาต้องทำงานต่อด้วยกำลังของเขาเอง
แต่การที่จะต้องขนหินเองและต้องใช้แรงสลักให้เข้ารูปเอง
ทำให้ไม่สามารถจัดการกำแพงเสร็จตามเวลากำหนด
ช่างก่อหินนึกออกว่าเทพคงเล่นตลกเข้าให้แล้ว เขาแล่นเข้าไปในท้องพระโรง แกลดสไฮม
ทันที เสียงของเขาที่ต่อว่าต่อขานเทพเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ
ยิ่งความโกรธทวีมากขึ้นเท่าไหร่ เขาก็ไม่สามารถควบคุมร่างแปลงของตนให้เหมือนเดิม
ในที่สุดความก็แตก
ช่างก่อหินแปลกหน้าที่แท้คือยักษ์หินที่ชาวสวรรค์ไม่ชอบขี้หน้า
โอดินเรียกธอร์ผู้เป็นลูก และเป็นเทพแห่งสายฟ้าเข้ามา
ธอร์จัดการกับยักษ์หินด้วยการใช้ค้อน มจอร์ลนีร์(Mjorlnir) ทุบแค่ครั้งเดียว
และแล้ววันเวลาก็ผ่านไปนับเดือน เทพเอซีร์ช่วยกันสร้างกำแพงที่เหลือค้างจนเสร็จ
แต่ตั้งแต่ม้าสวาดิฟารีหายไป จนยักษ์หินตาย กระทั่งกำแพงเสร็จ
กลับไม่มีใครได้ข่าวโลกิไม่รู้ว่าเขาเป็นตายร้ายดีอย่างไร
กระทั่งวันหนึ่งข่าวที่เทพรอคอยก็มาถึง
โลกิเดินโผเผขึ้นมาตามสะพานรุ้งน้ำแข็งจูงลูกม้าแปดขาตัวหนึ่งมาด้วย
ท่ามกลางความสงสัยของเทพโลกิเล่าว่า
เขาแปลงเป็นม้าตัวเมียไปหลอกล่อสวาดิฟารีจนมันตามไป แต่ด้วยความดุและเร็วของมันเขาไม่สามารถหนีการผสมพันธุ์ของม้าวิเศษพ้น
ม้าแปลงโลกิจำเป็นต้องยอมและเพื่อหลอกล่อให้สวาดิฟารีอยู่กับตนนานที่สุด
สิ่งที่ตามมาก็คือเขาซึ่งอยู่ในร่างม้าแปลงเกิดตั้งท้องเพราะการผสมครั้งนี้
ผลพวงก็คือเจ้าม้าแปดขาตัวที่เห็น ชาวเทพทั้งรู้สึกขำและสงสาร แต่ไม่มีใครเอ่ยอะไรตอกย้ำ
โลกิยื่นเชือกผูกม้าให้แก่โอดินทำนองยกให้ ลูกม้าตัวนี้ได้ชื่อว่า สลีปนีร์(Sleipnir) มันกลายเป็นม้าประจำตัวของโอดินที่เร็วที่สุดในเก้าโลกตั้งแต่นั้นมาสวรรค์ของแอสการ์ดก็สมบูรณ์และปลอดภัยขึ้นอีกครั้งหนึ่ง...
ในลำดับชั้นเดียวกับดินแดนแอสการ์ด
ยังมีดินแดนอัล์ฟไฮม และวานาไฮม อีกทั้งยังมีวัลฮัลลา
ซึ่งเป็นที่สถิตย์ของนับรบสวรรค์... และ
ที่ใจกลางของดินแดนแอสการ์ดมีที่ราบแห่งไอดาโวล (Idavol หรือ Ida) เป็นที่ที่ชาวเทพมาประชุมกัน ที่แห่งนี้จะมีโถงชื่อ
แกลดไฮล์มซึ่งเป็นที่ของเหล่าเทพ และอีกแห่งคือ วินโกล์ฟ ดินแดนที่ประทับของเหล่าเทพธิดา
และทุกๆวันเหล่าเทพทั้งหลายจะมาชุมนุมกันที่น้ำพุแห่งปัญญาของอูร์ด
ที่อยู่ข้างใต้รากของอิกดราซิล
วานาไฮล์ม (Vanahiem)
Vanaheim = "home of
Vanir" เป็นดินแดนของเทพวานีร์ ตั้งอยู่ในลำดับชั้นสูงสุด
ผืนเดียวกับดินแดนเทพแอสการ์ด
อัลฟ์ไฮล์ม (Alfheim)
Alfheim = "elf home" ดินแดนแห่งเอลฟ์แห่งแสงสว่าง ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาจากเวทมนตร์ของเทพ
ดินแดนนี้ตั้งอยู่บนระดับสูงสุดระดับเดียวกับดินแดนเทพทั้งสองดินแดน ดินแดนนี้เป็นที่ประทับของเทพเฟรย์
ผู้ที่มีหน้าที่ปกครองและดูแลดินแดนแห่งนี้
นอกจากนี้ยังมีดินแดนเอลฟ์ดำอีกดินแดนซึ่งอยู่คนละระดับขั้นกัน เรียกว่า
สวาตัลฟ์ไฮล์ม
มิดการ์ด (Midgard)
เป็นดินแดนที่อาศัยของเหล่ามนุษย์
เป็นสถานที่ที่เทพเจ้าสร้างขึ้น ได้แก่ โอดิน และพี่น้องอีกสองคน
เป็นดินแดนที่อยู่ในช่วงกลางของดินแดนทั้งหมด 9 ดินแดน
อยู่ชั้นเดียวกับนิดาร์เวลลีร์ (ดินแดนแห่งคนแคระ) สวาตัลไฮล์ม
(ดินแดนแห่งเอล์ลดำและคนแคระ) และโจตันไฮล์ม (แดนดินแห่งยักษ์) นิดาเวลเลียร์ (Nidavellir) ดินแดนของคนแคระ
โยทุนไฮล์ม (Jotanheim)
ดินแดนแห่งยักษ์น้ำแข็งและยักษ์หิน
แยกห่างจากแอสการ์ดด้วยน้ำตกไอวิง (Iving) ซึ่งเป็นที่ที่น้ำแข็งไม่มีวันละลาย
ตั้งอยู่ในแดนหินมะ ด้านนอกสุดของฝั่งมหาสมุทร นำพุแห่งปัญญาของมิมีร์ก็อยืที่โจตันไฮล์ม
ณ ใต้รากของต้นไม้อิกดราซิล โจตันไฮล์มปกครองโดยธริม (Thrym อึกทึก) ราชาแห่งความหวาดกลัว
โจตันไฮล์มมีที่ตั้งหลักอุตการ์ดเป็นเมืองหลวง
ซึ่งอาณาจักรนี้จะปกครองโดยอุตการ์ดโลกิ (Utgard-Loki) ส่วนสถานที่อื่นก็มีแกสโทรปนีร์
(Gastropnir) บ้านของเหล่ายักษี นอกจากนี้ก็ยังมี
ธรมไฮล์ม (Trymheim) ภูเขาที่อาศัยของยักษ์ธีอาซี
สวาตัลฟ์ไฮล์ม (Svartalfheim)
ที่อยู่ของพวกเอลฟ์ดำ
และคนแคระ ผู้ที่เติบโตมาจากเนื้อของอีมีร์
ทั้งหมดนี้จะอาศัยอยู่ใต้พื้นโลกและหินผา แม้ว่าจะมีรูปร่างคล้ายกับมนุษย์ แต่ก็มีหลายอย่างที่แปลกออกไป
สวาตัลฟ์ไฮล์มจะอยู่ใต้ดิน แต่ก็ไม่ได้ต่ำจนถึงแดนนรก
หากเอล์ฟและคนแคระเหล่านี้ต้องแสงสว่างเมื่อไร พวกเขาก็จะกลายร่างเป็นหินเมื่อนั้น
- ส่วนที่อยู่ล่างสุด
เฮลไฮล์ม (Helheim)
เฮลไฮล์มปกครองโดยเฮล
เทพธิดาแห่งความตาย ลูกสาวรูปร่างประหลาดของโลกิ เป็นสถานที่ที่ทั้งหนาวและมืดมิด
ถือว่าอยู่ภายในของดินแดนนิฟล์ไฮล์ม
อยู่ชั้นล่างสุดของจักรวาลตามความเชื่อของชาวนอร์ส
"ใครที่เข้ามาและไม่สามารถออกจากดินแดนนี้ได้"
นี่คือกฎเหล็กแห่งดินแดนนี้ ที่นี่จะมีแม่น้ำที่ไหลไม่กลับเรียก จอล (Gjoll) ซึ่งไหลมาจากน้ำพุเฮอร์เกลมีร์ (Hvergellmir) ล้อมรอบดินแดนเฮลไฮล์ม
ไม่ว่าจะเทพหรือผู้วิเสษเหนือใครอย่างไรก็ไม่มีวันที่จะได้กลับไปหากผ่านเข้ามาแล้วแม้แต่สักครั้ง
ผู้ที่ตายตามอายุขัย หรือโรคภัย
และไม่ได้สิ้นชีพเยี่ยงนักรบในสนามรบจะต้องมาที่เฮลไฮล์ม ขณะที่นักรบทั้งหลาย
ยามสิ้นชีวิตจะได้รับการคัดเลือกให้ไปอยู่ที่วัลฮัลลา โถงแห่งนักรบสวรรค์ มีการ์ม
(Gram)และมอร์กุด หมาปิศาจคอยเฝ้าอยู่ที่ปากทางเข้าแดนนรก
เหนือขึ้นไปนั้นจะมียักษ์ Hraevelg ผู้กินศพนั่งมองดูอยู่
และจะแปลงตนเป็นอินทรีคอยสร้างพายุเหนือดินแดนแห่งนี้
นิฟล์ไฮล์ม (Niflheim)
ชื่อนิฟล์ไฮล์มหมายถึงดินแดนแห่งหมอก
ซึ่งก็มีทั้งหมอกและน้ำแข็งสมชื่อ ซ้ำร้ายยังทั้งมืดมิดและหนาวเย็น
แดนดินแห่งอาถรรพ์ร้ายนี้ตั้งอยู่ ณ
ระดับล่างสุดของจักรวาลตามความเชื่อของชาวนอร์ส เป็นอาณาจักรแห่งความตาย
เฮลไฮล์มเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนนี้ นิฟล์เฮลเป็นดินแดนที่อยู่ลึกลงมาใต้บาดาล
อยู่ระดับชั้นที่สามภายใต้รากของต้นอิกดราซิล
มีน้ำพุแห่งเฮอร์เกลมีร์ที่ตั้งอยู่ในนัสโทรนด์ (Nastrond) มีมังกรร้าย
นิดฮอก (Nidhogg) คอยกัดกินรากของต้นอิกดราซิลอยู่ทุกวัน
หลังจากวันสิ้นโลก(แร็กนาร็อก) ที่นี่จะยังคงอยู่
และได้เปลี่ยนเป็นโถงสำหรับทำโทษฆาตกร ผู้กระทำความผิด และผู้ร้ายต่างๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น