กำเนิดเทพเจ้านอร์ส

กำเนิดบรรพเทพ-ต้นตระกูลยักษ์
  
ความร้อนที่มาจากประกายไฟ นานเข้าบ่อยเข้าทำให้น้ำแข็งในห้วงละลายเป็นไอลอยขึ้นกระทบอากาศเย็นกลายเป็นน้ำค้างแข็งร่วงลงมากองอยู่กับพื้น นับเดือนนับปี น้ำค้างเหล่านั้นก็รวมตัวกันจนกลายเป็นสิ่งมีชีวิตขึ้นมา 2 อย่าง คือ ยักษ์โยตุนตนแรก อีเมอร์ (Ymir) กับ วัว ออดฮัมลา (Audhumla)
เมื่อเกิดแล้ว ทั้งสองก็หิวซิ อีเมอร์ หันไปหันมาเจอกับเต้านมอันเต่งของวัว ก็ตรงเข้าดูดนมวัวเป็นการใหญ่ แต่วัวออดฮัมลาโชคร้าย หล่อนไม่มีอะไรจะกิน นอกจากน้ำแข็งข้างหน้า ก็เลยเลียน้ำแข็งกินไปพลางๆปรากฏว่า น้ำลายอุ่นๆของวัวที่เลียน้ำแข็ง ก็ทำให้เกิดสิ่งมีชีวิตอีกหนึ่งจากก้อนน้ำแข็งที่มันเลีย นั่นคือ เทพ บูรี( Buri) พระเกษาของพระองค์ทรงงอกขึ้นมาก่อน จากนั้นก็เป็นเศียรและวรกาย เป็นชีวิตของชายอีกคนหนึ่ง เทพองค์นี้จะนับเป็นบรรพบุรุษของเทพทั้งหมดทีเดียว
แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น อีเมอร์ไม่สนใจนอกจากให้ตัวเองอิ่มไว้ก่อน นี่เป็นความต้องการแรกของมนุษย์ตั้งแต่เกิด อีเมอร์ใช้เวลาไม่นานนักก็กินนมวัวจนอิ่ม แต่ดูจะอิ่มมากไป มันจึงง่วงแล้วจึงก็ลงนอนบนพื้นน้ำแข็งแล้วหลับสนิทไปโดยพลัน ประกายไฟจากดาบของยักษ์เซิร์ทลอยละล่องมาตกข้างตัวเรื่อยๆสร้างความอบอุ่นให้เขาหลับนานขึ้นและเหงื่อออก แต่ว่าเหงื่อของยักษ์อีเมอร์ทำให้เกิดสิ่งมีชีวิตขึ้น
ตัวแรกที่เกิดจากหยาดเหงื่อของอีเมอร์ เป็นยักษ์หกหัวที่แสนจะน่าเกลียด ธรุดเกลเมอร์(Thrudgelmir)(ตนนี้เป็นบรรบุรุษของยักษ์น้ำค้างแข็งตัวอื่นๆต่อไปอีก พวกนี้นับเป็นศัตรูตลอดกาลของพวกเทพ) ส่วนเหงื่อจากใต้รักแร้ข้างซ้ายกลายเป็นยักษ์ชาย และหญิงคู่หนึ่ง แม้จะมีตนละหัวเดียว แต่ก็น่าเกลียดพอๆกับเจ้าหกหัวตัวแรก ขนาดที่ไม่มีใครอยากจำชื่อด้วยซ้ำ
บูรี ต้นกำเนิดเผ่าพันธ์เทพ และ ธรุดเกลเมอร์ บรรพบุรุษยักษ์ คล้ายกับ อีเมอร์ เมื่อเกิดมาแล้ว ก็สามารถให้กำเนิดลูกได้เลย เบอร์เกลเมอร์ (Bergelmir) เกิดจากยักษ์ ธรุดเกลเมอร์ ด้วยการกระโดดออกมาจากร่างของพ่อ ขณะเดียวกัน โอรสของ บุรี ก็กระโดดออกจากกายของพระองค์ มีนามว่า บอร์(Bor) บอร์ สมรสกับ เบสล่า(Bestla)ยักษี ลูกสาวตนหนึ่งของอีเมอร์ ได้ผลพวงจากการสมรสเป็นเทพสำคัญสามองค์ โอดิน (Odin) วิลี( Vili) และ วี (Ve) เทพทั้งสามพระองค์นี่จะทรงเป็นต้นวงศ์ของเทพ อีเซอร์(Aesir) ผู้ครองสวรรค์
 
             กลุ่มเทพเจ้านอร์ส

เทพเจ้ากลุ่มวานิร์ (Vanir)  เทพกลุ่มนี้มีหัวหน้าคือนจอร์ด (Njord) เป็นกษัตริย์แห่งท้องทะเล มีวัลอยู่ใต้สมุทร สมรสกับยักษิณีชื่อสคาดิ (Skadi) แต่สคาดิรักแผ่นดินและภูเขามากกว่าวังใต้น้ำ ส่วนนจอร์ดชังแผ่นดิน
ในที่สุดทั้งสองจึงแยกทางกัน
นจอร์ดและสคาดิมีบุตรชายหญิงชื่อเฟรย์ (Freyr) และเฟรย่า (Freyja) เฟรย์มีดาบวิเศษที่ขยับได้ตามใจนึก และเรือวิเศษที่สามารถขยายใหญ่พอให้เทพทุกองค์ขึ้นไปหรือย่อลงจนเก็บใส่กระเป๋าได้ ส่วนเฟรย่าเป็นเทพีที่แห่งความรักและความงาม มีสร้อยคอวิเศษชื่อบริซินกาเมน และเป็นผู้ควบคุมความอุดมสมบูรณ์เช่นเดียวกับภรรยาของธอร์อีกด้วย

เทพอีกองค์หนึ่งชื่อแอกิร์ (Aegir) เป็นเทพสมุทรเช่นเดียวกับนจอร์ด แอกิร์มีบุตรสาวเก้าคนซึ่งมีหน้าที่ทำให้คลื่นเคลื่อนไหว ธิดาของแอกิร์เหล่านี้มีนิสัยแปรปรวน และมักลากเอากะลาสีเรือแตกลงมาอยู่ด้วย เก้าคนนี้มีบุตรชื่อไฮม์ดัลล์ (Heimdall) เป็นยามรักษาสะพานรุ้งที่เชื่อมระหว่างอัสการ์ดกับมิดการ์ด ไฮม์ดัลล์มีเขา!ชื่อจาลล์ ซึ่งเมื่อถึงวันแร็คนาร็อค ไฮม์ดัลล์จะเป่าเขานี้สะเทือนไปทั่วโลกทั้งเก้า

ส่วนเทพเจ้ากลุ่มแอซิร์ (Aesir) มีเทพโอดินเป็นหัวหน้า มีภรรยาคือฟริกก์ โอดินมีดวงตาข้างเดียวมีอาวุธเป็นหอกชื่อกุงนีร์ (Gungnir) มีม้าแปดขาชื่อ สลิปนีร์ (Sleipnir) มีกาสองตัวชื่อ ฮูกินน์ (Huginn ความคิด) และมูนินน์ (Muninn ความจำ)

เทพีแห่งชะตากรรมทั้งสามที่เรียกว่านอร์น ได้บอกโอดินว่า วันหนึ่งโลกจะล่มสลายในวันมหาวินาศแรกนารอค (Ragnarok) โอดินจึงพยายามหาความรู้เพื่อป้องกัน เขายอมเสียตาข้างหนึ่งเพื่อจะได้ดื่มน้ำในบ่อแห่งปัญญา ไปขโมยเหล้าแห่งบทกวีจากพวกยักษ์ที่โยทุนไฮม์ แขวนตัวเองไว้กับต้นยิกดราซิลเก้าวันเก้าคืนเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับคนตาย โอดินมีเทพีนักรบในสังกัดของตนคือพวกวาลคีรี (Valkyrie) คอยรวบรวมนักรบกล้าหาญที่ตายในสงคราม โอดินสร้างวังชื่อวัลฮัลลา มีกำแพงเป็นหอกทอง หลังคาเป็นโล่ทองให้นักรบเหล่านั้นอยู่ โดยจะให้นักรบเหล่านี้ออกสู้กับยักษ์และ!ร้ายต่างๆ ในวันแรกนารอค
โอดินมีบุตรชื่อ ธอร์ (Thor) เป็นนักรบที่เก่งกล้าที่สุดในบรรดาเทพเจ้า ธอร์เป็นเทพแห่งสายฟ้า มีอาวุธประจำตัวคือค้อนมจอลล์นิร์ (Mjollnir) เวลาขว้างค้อนจะทำให้เกิดสายฟ้าฟาดลงมายังแผ่นดิน ธอร์มีภรรยาชื่อซิฟ (Sif) เป็นเทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์

โอดินยังมีบุตรชื่อบัลเดอร์ (Balder) และโฮเดอร์ (Hoder) บัลเดอร์เป็นเทพแห่งแสงสว่าง มีภรรยาชื่อนันนา (Nanna) และมีบุตรชื่อฟอร์เซติ (Forseti) ซึ่งเป็นเทพแห่งความยุติธรรม ส่วนโฮเดอร์เป็นเทพแห่งความมืด

เทพสำคัญอีกองค์หนึ่งคือทีร์ (Tyr) เป็นเทพที่ได้รับการยกย่องว่ากล้าหาญที่สุด เมื่อครั้งที่เหล่าเทพจะมัดสุนัขป่าเฟนรีร์ เฟนรีร์ไม่ยอมให้มัดจนกว่าจะมีเทพองค์ใดเอามือใส่ปากมัน ทีร์จึงเอามือใส่ปากเฟนรีร์ พอเหล่าเทพมัดเฟนรีร์ได้แล้วไม่ยอมปล่อย เฟนรีร์จึงกัดมือทีร์ขาด ทีร์เป็นเทพแห่งกฎหมายและความยุติธรรม เวลาคนไวกิ้งกล่าวคำสาบานจะต้องอ้างชื่อทีร์เป็นพยาน

ในกลุ่มเทพแอซิร์ มีบุตรของยักษ์อยู่คนหนึ่ง คือโลกิ (Loki) โลกิสาบานเป็นพี่น้องกับโอดิน จึงได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในพวกเทพแอซิร์ โลกิเป็นคนรูปงามมีสติปัญญา แต่ชอบเล่นตลกกลั่นแกล้งคน และมักทำอะไรเกินเลยจนเกิดปัญหา และเป็นต้นเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดวันแรกนารอค โลกิมีภรรยาชื่อซิกิน (Sigyn) มีบุตรสองคน แต่ก็ยังลอบเป็นชู้กับนางยักษ์อังร์โบดา (Angrboda) มีบุตรสามคน บุตรคนโตคือสุนัขป่าเฟนริร์ ซึ่งกัดมือทีร์ขาด คนรองเป็นมังกรสมุทร์ยักษ์โยมุนกันด์ ส่วนคนสุดท้องคือเฮล ราชินีนรก มีร่างครึ่งหนึ่งเป็นหญิงงาม อีกครึ่งเป็นซากศพเน่าเปื่อย เหล่าเทพเจ้าเป็นว่าบุตรของโลกิเหล่านี้จะเป็นภัย จึงมัดเฟนรีร์ไว้ด้วยเชือกวิเศษของคนแคระ โยนโยร์มุนกันด์ลงทะเล และเนรเทศเฮลไปยังนิเฟลไฮม์


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น